วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551

10 เหตุผล !!
ระบอบทักษิณสิ้นความชอบธรรม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
[ 22 มี.ค. 49, 11:28 น. ]



1. ขายประเทศ โกงภาษี หลบเลี่ยงกฎหมาย กรณีการขายกลุ่มบริษัทชิน

การขายบริษัทชินคอร์ปซึ่งครอบครองดาวเทียมจำนวน 4 ดวง สถานีโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และบริษัทสายการบินต้นทุนต่ำ มูลค่า 73,000 ล้านบาท แก่กองทุนเทมาเส็กซึ่งถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลสิงคโปร์ เป็นการขายกิจการสัมปทานของชาติที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลลุแก่อำนาจโดยแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการขายหุ้นให้ต่างชาติได้เกิน 25% เพียงวันเดียวก่อนทำการขาย เห็นดีเห็นงามกับการตั้งบริษัทบังหน้า เพื่อให้ต่างชาติถือครองหุ้นส่วนใหญ่โดยผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งหาช่องโหว่ไม่ต้องเสียภาษีการซื้อขายแม้แต่สักบาทเดียว ผู้นำประเทศกลายเป็นแบบอย่างให้เกิดพฤติกรรมโกงภาษี และเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามายึดครองกิจการสำคัญๆของประเทศ


2. เอาชีวิตของเกษตรกร การเข้าถึงยาและได้รับการรักษาของคนไทยทุกคน แลกกับผลประโยชน์ของบริษัทครอบครัวและกลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลกรณีการทำเอฟทีเอ

การลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับจีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรที่ปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาว และเกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อโคนมรวมกันกว่า 5 ล้านคน การเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐจะส่งผลกระทบรุนแรงกว่านั้นหลายเท่า เพราะต้องเปิดเสรีการลงทุน กิจการขนาดเล็กของคนไทยไม่สามารถแข่งขันได้ ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พันธุ์พืชถูกจดสิทธิบัตร ทรัพยากรธรรมชาติถูกครอบครอง ระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบได้รับผลกระทบ และประชาชนไทยต้องซื้อยาในราคาแพง นักลงทุนต่างชาติได้สิทธิฟ้องร้องรัฐ ยอมรับกลไกอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแทนการขึ้นศาลไทย แลกกับผลประโยชน์ของกลุ่มกิจการโทรคมนาคมของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มบริษัทรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับรัฐบาล ทั้งนี้ไม่นับการแก้ไขกฎหมายภายในหลายฉบับเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ


3. การแทรกแซงองค์กรอิสระ และการทำลายกลไกการตรวจสอบ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ใช้อำนาจทางการเมืองและอำนาจเงินครอบงำวุฒิสภา แทรกแซงกระบวนการสรรหา การได้มา และการทำงานขององค์กรอิสระต่างๆ เช่น คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลไกและกระบวนการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญถูกทำลายลงแทบหมดสิ้น แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ ดังที่ได้ปฏิเสธที่จะพิจารณากรณีการซุกหุ้นภาค 2 ของนายกรัฐมนตรี จากการเสนอของสมาชิกวุฒิสภา 27 คนเมื่อเร็วๆนี้ การขาดกลไกการตรวจสอบทำให้อำนาจการบริหารอยู่ในมือของผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จ เกิดการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร และเปิดทางให้ตระกูลชินวัตรและบริวารสืบทอดอำนาจในการบริหารประเทศเยี่ยงทรราช


4. การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อประโยชน์พวกพ้อง และบริษัทต่างชาติ

เมื่อมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยการเปิดขายหุ้นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.)นั้น หุ้นทั้งหมดถูกขายเกลี้ยงในเวลาเพียง 1 นาที 17 วินาที หุ้นส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของนักการเมืองพรรคไทยรักไทยและเครือญาติ มีการใช้อำนาจรัฐขยายสัดส่วนการถือหุ้นของเอกชนจาก 25 % เป็น 49% และกำหนดอัตราราคาแกสที่ขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตในราคาที่สูง ดันให้ผลกำไรของปตท.ในปี 2548 สูงถึงกว่า 80,000 ล้านบาท ผลประโยชน์ดังกล่าวถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นและบริษัทต่างชาติ รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินหน้าแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยการขายเลหลังราคาถูกในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ประเทศชาติเสียหายมากกว่า 3.3 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังคงกุมการผูกขาดและไม่มีกลไกการกำกับดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ประชาชนต้องเสียค่าไฟฟ้าในราคาแพงเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มทุนในรัฐบาลและบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ ทั้งนี้ไม่นับแผนการแปรรูปองค์การเภสัชกรรม องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) เป็นต้น


5. การยึดครองและควบคุมสื่อ กรณีไอทีวี มติชน และคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน นักกิจกรรมทางสังคม

บริษัทของครอบครัวนายกรัฐมนตรีได้เข้าซื้อกิจการของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีซึ่งเป็นดอกผลการต่อสู้ของประชาชนในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ใช้อำนาจรัฐลดภาษีสัมปทาน เปลี่ยนกฎเกณฑ์ให้เพิ่มสัดส่วนรายการบันเทิง กลุ่มธุรกิจที่ใกล้ชิดยังได้พยายามเข้าไปยึดครองกิจการของหนังสือพิมพ์มติชน และเข้าไปถือครองในกิจการสื่อต่างๆ มีการใช้งบประมาณของรัฐและงบประชาสัมพันธ์ของธุรกิจที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเพื่อควบคุมสื่อมวลชน สื่อมวลชนและนักกิจกรรมที่หาญกล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายนับพันล้านบาท เสรีภาพในการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนไทยภายใต้ระบอบทักษิณตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา



6. การละเมิดสิทธิมนุษยชน การหายตัวไปของทนายสมชาย และความรุนแรงของปัญหาสามจังหวัดภาคใต้

นับตั้งแต่ปี 2477-2546 มีผู้ที่ถูกตัดสินลงโทษให้ประหารชีวิตเพียง 323 เท่านั้น แต่ช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน 2545 ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดนั้นมีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดียาเสพติดถูกฆ่าตายกว่า 2,000 ราย การใช้การปราบปรามแบบเหวี่ยงแห และการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีการหายตัวของทนายสมชาย นีละไพจิตร การกระทำการอย่างทารุณกับผู้ชุมนุมในกรณีตากใบ รวมทั้งการส่งทหารไทยไปยังอิรักตามคำร้องขอของรัฐบาลสหรัฐฯ คือสาเหตุสำคัญของการลุกลามของปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ที่เกิดจากระบอบทักษิณ



7. การตั้งรัฐอิสระ เปิดเสรีโดยลดทอนกฎหมายภายใน และทำลายการปกครองของท้องถิ่น

กรณีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษพร้อมๆกับการทำเอฟทีเอและแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างเร่งรีบ รัฐบาลชุดนี้ยังได้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้อำนาจฝ่ายบริหารในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น ให้อำนาจนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศอย่างไร้ขอบเขต ทั้งด้านอุตสาหกรรม บริการ หรือแม้แต่กิจการบ่อนกาสิโน เพิกถอนสภาพที่สาธารณสมบัติเช่น เขตธรณีสงฆ์ ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ รวบอำนาจการบริหารจากองค์กรท้องถิ่น เสมือนการจัดตั้งรัฐอิสระที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายใดๆของประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำสูงสุดในเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว


8. ความล้มเหลวของการปฎิรูปการศึกษา ปัญหาการโอนย้ายการศึกษาไปสู่องค์กรส่วนท้องถิ่น

การปฏิรูปการศึกษาไม่มีความคืบหน้าใดๆ มาตรฐานการศึกษาในทุกระดับตกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การเปิดเสรีการศึกษาจะทำให้การศึกษากลายเป็นการค้า เป็นการทำลายเป้าหมายของการศึกษาและกีดกั้นประชาชนยากจนออกไปจากระบบการศึกษาในท้ายที่สุด ปัญหาการโอนย้ายการศึกษาไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือเครื่องชี้ความล้มเหลวของการปฏิรูปการศึกษา โดยการใช้อำนาจรัฐมากกว่ากระบวนการมีส่วนร่วม และสะท้อนให้เห็นว่ามิได้มีการสร้างความพร้อมให้เกิดขึ้นทั้งต่อสถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตลอด 5 ปีที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในอำนาจ


9. ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ช่องว่างคนรวยคนจน ความเป็นจริงและผลกระทบการแจกจ่ายเงินไปสู่ชนบท

ป้าหมายของรัฐบาลคือการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของตลาดหุ้นโดยไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการลดช่องว่างความแตกต่างระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจน หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 103,940 บาท/ครัวเรือน (พ.ศ. 2547) สถิติผู้บริโภคที่เป็นหนี้บัตรเครดิตถือจำนวนบัตรเครดิตสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 16 ใบเป็น 30 ใบ เงินที่รัฐบาลแจกจ่ายเงินไปให้ชนบทในรูปกองทุนหมู่บ้านเป็นการนำเงินที่ควรจะเป็นของท้องถิ่นกลับไปให้ท้องถิ่นแค่เพียงเศษเงิน งานวิจัยพบว่ามีการนำเงินจากกองทุนหมู่บ้านไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 400 เครื่องต่อหนึ่งหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านต้องจ่ายค่าโทรศัพท์เป็นเงินถึง 480,0000 บาท/ปี(ไม่นับค่าซื้อเครื่อง) ต้องเอาเงินนอกระบบมาใช้หนี้กองทุน เอาเงินกองทุนไปใช้หนี้นอกระบบ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ของหนี้อมตะ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจนเพิ่มมากขึ้นทุกทีจนอยู่ในระดับเดียวกันกับเม็กซิโก โคลัมเบีย และอาร์เจนตินา ปัญหาทั้งหมดรอวันปะทุเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง


10.ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาโครงสร้างการจัดการทรัพยากร กรณี พ.ร.บ.ป่าชุมชน และการปฏิรูปที่ดินเพื่อคนยากจน

รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มิได้ดำเนินการใดๆที่เป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ข้อเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปการจัดการทรัพยากร เช่น การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน การบริหารน้ำโดยท้องถิ่น และการผลักดันให้มีการปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนถูกขัดขวางโดยรัฐบาล ในทางตรงข้ามรัฐบาลยังได้สนับสนุนส่งเสริมให้มีการลงทุนที่ทำลายวิถีชีวิตของชุมชน เช่น โครงการเหมืองแร่โปแตซ โครงการท่อส่งก๊าซโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ผู้นำชาวบ้านที่ต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรในท้องถิ่นถูกฆ่ามากกว่า 20 คน รวมทั้งพระสงฆ์นักอนุรักษ์


การหยุดยั้งระบอบทักษิณ เป็นก้าวสำคัญในการสร้างประชาธิปไตย

ที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นธรรม

และการจัดสรรทรัพยาการอย่างเท่าเทียม

เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน !!




พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 3 มีนาคม 2549
การไม่สนับสนุนสินค้าและบริการของครอบครัว
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
และกิจการสำคัญๆ ของสิงคโปร์ในประเทศไทย

โทรศัพท์
1. เลิกใช้โทรศัพท์มือถือ GSM , 1-2-Call พร้อมบริการอื่นๆ ในเครือ AIS
ธนาคาร & การเงิน
2. ไม่ใช้บริการธนาคารยูโอบี และธนาคารดีบีเอส และไม่ใช้บริการบริษัทแคปปิตอลโอเค
อสังหาริมทรัพย์
3. ไม่ซื้ออสังหาริมทรัพย์บริษัทเอสซีเอสเสท บริษัทริเวอร์ไซด์โฮมดิเวลลอปเม็นท์
และบริษัททีซีซีดีเวลลอปเม็นต์ หรือโครงการอื่นๆ ที่มีบริษัทแคปปิตอลแลนด์ถือหุ้น
เบียร์
4. ไม่ดื่มไทเกอร์เบียร์ และไฮเนเก้น
อินเตอร์เน็ต
5. เลิกใช้อินเตอร์เน็ตล็อกซ์อินโฟ ไม่ดู iPTV
ช้อปปิ้ง
6. ช้อปปิ้งย่านสยาม อย่าเผลอเข้าร้านถ่ายรูป She @ Mood (Shoot At Me)
และ ร้านกาแฟ Cafeinn และไม่จำเป็นต้องซื้อมือถือแพงๆ จากสมาร์ทโฟน
ทีวี
7. ให้กำลังใจนักข่าวและผู้ประกาศข่าวไอทีวี (และทีวีช่องอื่นๆ)
ต่อสู้กับผู้บริหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการเสนอข่าวสารอย่างซื่อสัตย์ต่อประชาชน และรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
เดินทางและท่องเที่ยว
8. งดเดินทางท่องเที่ยวสิงคโปร์ เที่ยวเมืองไทยซื้อของไทยสบายใจกว่า
9. ไม่ใช้บริการสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ และสายการบินแอร์เอเชีย
เลือกใช้บริการการบินไทย และสายการบินแบบประหยัดอื่นๆ

14 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แตกแยกก็เพราะเอาผิดแบบ เต็มๆไม่ได้คาหนังคาเขา คราวนี้แหละ แจงออกมาเป็ฯประเด็นๆ ซัดเต็มๆทุกข้อกล่าวหา หลักฐานพร้อม เมื่อก่อนใครเถียงว่าเค้าไม่ผิด ทำงานดีแค่ไหน ทำผิดก็หมาย มันก็ โจรแหละคร้าบ

ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่ไม่เชื่อในผู้ที่จะมาบริหารประเทศแล้วแก้กฏหมายเข้าข้างตัวเองและพรรคพวก

Unknown กล่าวว่า...

เอาใจใส่ประชาชน บังหน้า หวังผลให้ตนเอง

เงินที่เอามาให้ประชาชนอ่ะ

ก็แค่ยอมเสียนิดหน่อย

เพื่อให้ได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

ทำอะไร

อย่านึกว่าคนอื่นเขาจะไม่รู้กันหมด

เพราะความลับไม่มีในโลก

ตราบใดที่ความยุติธรรมคือความถูกต้อง

ที่ผู้คนยึดถือ

ten-Za-By-Dee กล่าวว่า...

"เขา" ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมากมายหรอก


อยู่ที่สื่อด้วย และ คนที่หวังไม่ดี

ขุดขุ้ย เรื่อง เก่าๆ ออกมากระจาย


จนเป็นเรื่องใหญ่ ถึงทุกวันนี้

Unknown กล่าวว่า...

โอ้โห !!



ทุจริตมากมาย



แย่ๆ




ไม่แปลกใจเลย



ว่าทำไมเค้าบอกว่า



เค้าโดนกลั้นแกล้ง ไม่ได้รับความยุติธรรม




เพราะเค้าเคยทำมาหมดนิเอง



ก็เลยรู้

Unknown กล่าวว่า...

ทำนาบนหลังคนแท้ๆ


คุณเหลี่ยม

Democl2acy Group กล่าวว่า...

สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
................
ตระกูลชินวัตรกับสังคมไทยต้องมัวหมองเพราะอ้ายแม้วตัวเดียว

TuazaB_BabOrzZ กล่าวว่า...

กรุไม่เคยใช้ ทอสัฟขอมึงคับ

กรุไม่อุดหนุนมึงคับ

โกงไปเท่าไร ยังไม่พออีกหรอคับ

ตอนแรกนึกว่าหน้าเหลี่ยมอย่างเดว

ยังหน้าด้านอีกตั้งหาก

กล้าพูดเนอะว่าโดนกลั่นแกล้ง

เคยเปนถึงนายก มีลูกน้องตั้งเยอะแยะ

มีมือปืนตามประกบอีกเปน 10

ไคเค้าจะกล้าไปกลั่นแกล้งมึงคับ

เมื่อก่อนศาลตัดสินว่ามึงถูก

มึงบอกว่าศาลยุติธรรมดี

ทำตามขั้นตอนทุกอย่างดีมาก

แล้วพอมาถึงตอนนี้

หลักฐานก็มีแล้วที่ศาล

พอศาลบอกว่ามึงผิด

ทันทีใดมึงบอกว่าศาลไม่ยุติธรรม

คน เอ้ย ตัวอะไรก้ไม่รุ้แบบนี้

ไม่น่าลืมตามาดูโลกได้เลย

hot hot กล่าวว่า...

ถูกกกกกกกกกก



ลด ละ เลิกกกกกกกก ใช้ของคุณเหลี่ยมคร๊าบบบบ



เห็นด้วยๆ กับความคิดเห็นข้างบนอย่างแรง

Unknown กล่าวว่า...

เล่นแจกแจงเป็นข้อแบบนี้เลยรึ
ท่านเอาจากประชาชนไปก็ไม่ใช่น้อยเลยนะ
ไม่ไหวเลยนะท่าน
แต่ข้อดีท่านก้มี เราไม่เถียง

Unknown กล่าวว่า...

เล่นกันงี้เรยหรอ
แรงเหมือนกันนะ
จะแบ่งแยกฝ่ายไปถึงไหน
รักกันไว้บ้าง

Unknown กล่าวว่า...

ยอมรับกับสิ่งที่ทำไว้
กรรมสนองกรรม

Unknown กล่าวว่า...

โอยย ... รับไม่ได้

เยอะจังเลยอะ ถึงมันจะเป็นความผิด

ที่ประชาชนทั่วไปไม่อาจหยั่งรู้สิ่งที่แอบแฝง

แต่พอชี้แจงแล้วกระจ่างทีเดียวเชียว

ประเทศไทยแตกแยก

ด้ามขวามยังไม่แข็งแรง

ใจกลางขวานยังจะทะเลาะกันเองอีก เฮ้อ

กระบวนการยุติธรรม ผู้บริหารระดับสูง

ซื่อสัตย์ vs เงินทอง = ?

ชมพูนุช 513-1601-033 นิติศาสตร์

Unknown กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
Unknown กล่าวว่า...

ฉลาดมากกกกกกกก คุณทักษิณ


ฉลากแกมโกงด้วยดิ

เหอๆ

ไม่น่าเลยนะ เกษตรกรรากหญ้าเค้ารักคุณจะตาย

เทิดทูนคุณหยั่งกะอารัยดี

แต่คุณก็ยังทำกับเค้าได้เนอะ

ทำนาบนหลังคน

ไร้คุณธรรมจิงๆ

Nareerat Saengkaew
5131601106